ปวีณาลงพื้นที่ชลบุรีช่วยเหลือเด็ก ถูกป้าเอาน้ำร้อนราดตัว สุดเวทนาเอาไปซุกใต้โต๊ะขายล็อดเตอรี่ ชาวบ้านทนไม่ไหวแจ้งมูลนิธิปวีณา
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 ก.ย. 58 ที่ สถานีตำรวจภูธรดอนหัวฬ่อ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ด.ญ.แหวน (นามสมมุติ) อายุ 4 ปี
เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่า ด.ญ.แหวนถูกทารุณกรรม เพราะตามร่างกายเหมือนกับถูกน้ำร้อนลวก และบริเวณแผ่นหลังมีร่องรอยบาดแผลเหมือนถูกของร้อนนาบไปทั่วแผ่นหลังมีทั้งแผลเก่าแผลใหม่ โดยไปพบที่ใต้โต๊ะขายล็อดเตอรี่ ที่ บริเวณหน้าร้านขายของสะดวกซื้อ ซอยหน้าวัดดอนดำรงธรรม อำเภอเมืองชลบุรี โดยคนขายล็อดเตอรี่จะนำเด็กมาซุกไว้ใต้โต๊ะ และไม่ยอมให้พูดจากับใคร
โดยพลเมืองดีได้ฉวยโอกาสช่วงที่คนขายล็อดเตอรี่ไม่อยู่เข้าไปสอบถามเด็กได้ความว่า ถูกทำร้ายและถูกทุบตีและยังได้ข่มขู่ห้ามเด็กไม่ให้ไปบอกกับใคร ไม่เช่นนั้นจะถูกทำร้ายอีก พลเมืองดีจึงได้โทรศัพท์แจ้งมาที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีเพื่อให้มาช่วยเหลือ
จากการตรวจดูสภาพของเด็กพบว่าบริเวณกลางหลังมีรอยถูกตีเป็นแผลเป็นหลายแห่ง และบริเวณแขนพบว่ามีรอยน้ำร้อนลวก และยังพบว่าเด็กเหมือนมีอาการหิว จึงได้หาของมาให้กิน เพื่อประทังความหิว
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีกล่าวว่า ภายหลังจากได้ทราบข่าวและดูจากรูปภาพ ทำใจไม่ได้ต้องรีบลงมาช่วยเหลือทันที โดยประสานงานกับ พ.ต.อ.จักรทิพย์ พาราพันธ์กุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรดอนหัวฬ่อ ให้ช่วยเหลือเด็ก
และจากการได้รับรายงานทราบว่า ป้าของเด็กได้เอาเด็กไปซุกไว้ใต้โต๊ะขายล็อดเตอรี่ และตามลำตัวมีแต่บาดแผล แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือ ล่าสุดถูกตีจนเลือดออกต่อหน้าประชาชนอีกด้วย และยังมีการเอาน้ำร้อนไปสาดและตีด้วยไม้แขวนเสื้อ เมื่อทำกับเด็กอย่างนี้ ก็ต้องดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก หลังจากนั้นได้นำตัวเด็กส่งไปยังบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดชลบุรี เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจต่อไป
ทางด้านนางปราณี อายุ 37 ปี ป้าของเด็กกล่าวว่า ยอมรับว่าตีเด็กจริง เพราะเด็กไม่ยอมกินข้าวและดื้อมากจึงได้ตีสั่งสอนไม่เกี่ยวข้องกับสามีของตนใดๆทั้งสิ้น ส่วนเด็กที่ถูกน้ำร้อนอ้างกำลังกินกาแฟ และรินน้ำร้อนใส่แก้ว และเด็กวิ่งมาชน จึงทำให้น้ำร้อนลวกไปตามลำตัว
โดยทาง พ.ต.อ.จักรทิพย์ พาราพันธ์กุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรดอนหัวฬ่อกล่าวว่า ทางตำรวจคงจะต้องทำการสอบสวนหลังจากนั้นจะตั้งข้อหาอีกครั้งหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น